ขนมทองชมพูนุช เป็นขนมมงคลโบราณของไทยที่มักนิยมทำในงานพิธีสำคัญ โดยมีลักษณะเด่นคือมีรสชาติและสีที่คล้ายคลึงกับขนมทองเอก แต่มีความแตกต่างในแง่ของส่วนผสมและกรรมวิธีการทำ โดยทองชมพูนุชจะใช้แป้งต่างชนิดกันและไม่มีการติดทองคำเปลวเหมือนทองเอก ลักษณะเด่นของขนมทองชมพูนุชแบบดั้งเดิมนั้นจะมีสีเหลืองทองที่เกิดจากสีธรรมชาติของไข่แดงผสมกับน้ำตาล อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาและดัดแปลงสูตรให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยมีการเพิ่มสีผสมอาหารสีชมพูลงไปเพื่อให้สอดคล้องกับชื่อ “ชมพูนุช” และเพื่อความสวยงามตามความนิยมของยุคสมัย แต่ไม่ว่าจะเป็นสูตรดั้งเดิมหรือสูตรประยุกต์ ขนมทองชมพูนุชก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ทำให้ยังคงเป็นที่นิยมในการใช้เป็นขนมมงคลในโอกาสพิเศษต่างๆ
นอกจากนี้ ขนมทองชมพูนุชยังคงได้รับความนิยมในการใช้เป็นขนมมงคลในพิธีการสำคัญต่างๆ จนถึงปัจจุบัน เช่น ในงานมงคลสมรสที่สื่อความหมายถึงความรักที่หวานชื่นและความมั่งคั่งร่วมกันของคู่บ่าวสาว ในงานขึ้นบ้านใหม่ที่สีทองของขนมสื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองและความอุดมสมบูรณ์ของผู้อยู่อาศัย หรือในงานบวชที่แสดงถึงความบริสุทธิ์และความดีงาม รวมถึงงานมงคลอื่นๆ เช่น งานทำบุญครบรอบวันเกิด งานฉลองตำแหน่ง ที่ต้องการขนมที่มีชื่อและลักษณะเป็นมงคล เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่เจ้าภาพและแขกผู้มาร่วมงาน
สูตรการทำ ขนมทองชมพูนุช
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ขนมทองชมพูนุช ได้มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เพื่อความสะดวกและง่ายในการจัดหาวัตถุดิบที่ใช้ในนการทำขนม สำหรับขนมทองชมพูนุชในยุคปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบให้หลากหลายมากขึ้น ทั้งการเพิ่มสีสันให้สวยงาม การใช้พิมพ์ขนมรูปแบบต่างๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานและสะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่รสชาติและเอกลักษณ์สำคัญของขนมทองชมพูนุชก็ยังคงได้รับการรักษาไว้ ทั้งในด้านรูปลักษณ์ที่สวยงาม กลิ่นหอมจากไข่แดง และเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ยังคงเป็นขนมมงคลที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
วัตถุดิบและส่วนผสม (สำหรับขนมประมาณ 15 ชิ้น)
ขนมทองชมพูนุชแม้จะมีส่วนผสมไม่มากและวิธีทำไม่ซับซ้อน แต่คุณภาพของวัตถุดิบถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกใช้แป้งที่มีคุณภาพ ซึ่งแป้งตราช้างสามเศียรถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากทำให้ขนมไทยมีเนื้อสัมผัส กลิ่น และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยประสบการณ์การผลิตที่ยาวนานกว่า 94 ปี จึงเป็นที่เชื่อถือและได้รับความนิยมในการทำขนมไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขนมที่ได้มีคุณภาพและรสชาติที่เป็นไทยแท้ [CR: เคล็ดลับสูตร ขั้นตอนการทำ จาก Instagram คุณ whynwhan]
- แป้งข้าวเจ้า 120 กรัม
- แป้งข้าวเหนียว 20 กรัม
- น้ำตาลทราย 60 กรัม
- ไข่ขาว 90 กรัม
- กะทิอบควันเทียน 250 กรัม
- สีผสมอาหารสีชมพู
- ผงทองกินได้ (ตกแต่ง)
วิธีการทำ ขนมทองชมพูนุช
- เริ่มจากการผสมวัตถุดิบทั้งหมดลงในชามผสม ได้แก่ แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย เกลือ กะทิ และไข่ขาว คนให้เข้ากันดี ระวังอย่าให้เกิดฟองอากาศมากเกินไป
- นำส่วนผสมทั้งหมดกรองผ่านกระชอนหรือผ้าขาวบาง เพื่อกำจัดเศษแป้งที่จับตัวเป็นก้อน เพื่อทำให้เนื้อขนมเนียนละเอียด
- ตั้งกระทะเทฟล่อนบนไฟอ่อน เทส่วนผสมลงไปกวนอย่างต่อเนื่อง คอยขูดก้นและขอบกระทะสม่ำเสมอ กวนจนแป้งเริ่มจับตัว เหนียว และหลุดล่อนออกจากกระทะ สังเกตว่าเนื้อขนมจะไม่ติดพาย มีความมันวาว
- นำขนมที่กวนได้ที่แล้วมานวดด้วยมือ เพื่อคลายความร้อนและทำให้เนื้อขนมเนียนนุ่มขึ้น การนวดควรทำบนพื้นผิวที่สะอาดและเย็น
- แบ่งขนมเป็นก้อนละ 30 กรัม แล้วนำไปกดลงในพิมพ์ลายที่เตรียมไว้ กดให้แน่นและทั่วถึงเพื่อให้ได้ลวดลายที่คมชัดสวยงาม
- ตกแต่งขนมให้สวยงามด้วยการโรยผงทองคำเปลวที่ใช้สำหรับรับประทานได้ หรือทองเปลวชนิดรับประทานได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสวยงามและความมงคลให้กับขนม
การเก็บรักษาขนมทองชมพูนุช
วิธีการเก็บรักษาที่ถูกต้อง
- การเก็บรักษาระยะสั้น (1-3 วัน)
-
- รอให้ขนมเย็นสนิทก่อนเก็บ เพื่อป้องกันการเกิดไอน้ำ
- เก็บในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท แต่ไม่ต้องปิดแน่นจนเกินไป
- วางไว้ที่อุณหภูมิห้อง ในที่แห้ง ไม่โดนแสงแดดโดยตรง
- การเก็บรักษาระยะยาว (4-7 วัน)
-
- ใช้กล่องพลาสติกหรือภาชนะที่มีซิลิโคนกันอากาศ
- แบ่งขนมเป็นชั้นๆ โดยใช้กระดาษไขหรือพลาสติกคั่น
- หมั่นตรวจสอบสภาพขนมทุกวัน
ข้อควรระวังในการเก็บรักษา
- ไม่ควรแช่ตู้เย็น เพราะจะทำให้เนื้อขนมแข็งและเสียรสชาติ
- หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ชื้น เพราะอาจทำให้ขนมเกิดเชื้อรา
- ไม่ควรเก็บปนกับขนมชนิดอื่นที่มีกลิ่นแรง
- หากมีการตกแต่งด้วยทองคำเปลว ควรระวังไม่ให้ขนมกระทบกันมาก
สัญญาณที่บ่งบอกว่าขนมเสีย
- มีกลิ่นผิดปกติ
- เกิดคราบขาวหรือจุดดำ
- เนื้อสัมผัสเปลี่ยนไป แข็งหรือนิ่มผิดปกติ
- มีรสชาติเปรี้ยวหรือผิดไปจากเดิม
ความสำคัญของขนมทองชมพูนุชในประเพณีไทย
ขนมทองชมพูนุชถือเป็นขนมมงคลที่มีความสำคัญในพิธีกรรมและประเพณีไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในงานมงคลสมรส เพราะรูปทรงที่ม้วนเข้าหากันของขนมสื่อถึงความกลมเกลียวและความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ส่วนในงานขึ้นบ้านใหม่ สีทองของขนมยังสื่อถึงความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง ขณะที่ในงานทำบุญต่างๆ เช่น งานบวช งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ หรืองานเทศกาลสำคัญทางศาสนา ขนมทองชมพูนุชยังเป็นหนึ่งในขนมไทยที่นิยมนำไปถวายพระ เพราะถือเป็นขนมชั้นสูงที่มีความประณีตในการทำ สื่อถึงความตั้งใจและความเคารพต่อพระรัตนตรัย นอกจากนี้ ในงานเลี้ยงรับรองแขกบ้านแขกเมือง หรืองานเลี้ยงในวาระพิเศษต่างๆ ขนมทองชมพูนุชก็มักถูกจัดเป็นขนมรับรองที่แสดงถึงการให้เกียรติและความเป็นมงคล
สรุป
ขนมทองชมพูนุชเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยในการสร้างสรรค์ขนมที่มีทั้งความงดงามและความหมายมงคล ด้วยกรรมวิธีการทำที่ประณีต การเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ทำให้ขนมทองชมพูนุชมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งรูปลักษณ์และรสชาติที่ไม่เหมือนขนมชนิดใด ปัจจุบันแม้จะมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตให้ทันสมัยขึ้น แต่คุณค่าและความสำคัญของขนมทองชมพูนุชในฐานะขนมมงคลประจำพิธีกรรมและประเพณีไทยก็ยังคงอยู่ ทำให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสานให้คงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป
Liger นักเขียนผู้หลงใหลในการแสวงหาความรู้และแบ่งปันสิ่งดีๆ สู่ผู้อื่น ด้วยความรักและสนในการเรียนรู้ค้นคว้าหาสิ่งใหม่เพื่อที่จะเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล สาระดีคุณค่า นำมาถ่ายทอดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและน่าติดตาม หวังว่าสิ่งที่ผมถ่ายทอดจะเป็นประโยชน์และสร้างคุณค่าให้กับผู้อ่านทุกคน ทำให้สังคมแห่งการเรียนรู้เติบโตและพัฒนาไปด้วยกัน