การทำบุญ ไหว้พระ 9 วัด ถือเป็นประเพณีอันดีงามที่ชาวไทยนิยมปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญอย่างวันขึ้นปีใหม่ ด้วยความเชื่อที่ว่าการเริ่มต้นปีด้วยการทำบุญไหว้พระจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลตลอดทั้งปี กรุงเทพมหานครในฐานะเมืองหลวงของประเทศไทยนั้น มีวัดวาอารามที่สำคัญและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 9 วัดชื่อดังในกรุงเทพมหานครที่ไม่ควรพลาดในการไหว้พระต้อนรับปี 2568 แต่ละวัดล้วนมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน มีความโดดเด่นทั้งด้านสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และความศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยให้ความเคารพนับถือมาช้านาน
1. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง)
- ประวัติความเป็นมา
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยแต่เดิมมีชื่อว่า “วัดสระแก” ซึ่งสันนิษฐานว่าได้ชื่อมาจากสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของวัด ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดครั้งใหญ่และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดสระเกศ” พร้อมทั้งยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีการสร้างภูเขาทองหรือพระบรมบรรพต อันเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำขนาดใหญ่บนฐานสูง กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวัดที่โดดเด่นมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่มาของชื่อที่คนทั่วไปนิยมเรียกว่า “วัดภูเขาทอง” นอกจากนี้ วัดยังได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่อีกหลายครั้งในรัชกาลต่อๆ มา จนกลายเป็นพระอารามหลวงที่มีความสำคัญทั้งในด้านพระพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมของกรุงรัตนโกสินทร์
- ไฮไลท์สำคัญ
- เจดีย์ภูเขาทอง: สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นที่สุดของวัด สูง 77 เมตร สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศา
- พิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนา: จัดแสดงพระพุทธรูป เครื่องสักการะ และวัตถุมงคลโบราณ
- พระบรมสารีริกธาตุ: ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ภูเขาทอง
- ที่ตั้ง
344 ถ.จักรภัทร์พงศ์ บ้านบาตร ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
🗺️ Google Maps
- การเดินทาง
- รถไฟฟ้า MRT: ลงสถานีสามยอด ทางออก 2 เดินต่อประมาณ 800 เมตร
- รถเมล์: สาย 37, 47, 49, 59, 68, 82, 512
- รถยนต์ส่วนตัว: มีที่จอดรถภายในวัด แต่ค่อนข้างจำกัด แนะนำให้จอดที่ลานจอดรถบริเวณใกล้เคียง
2. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
- ประวัติความเป็นมา
วัดสุทัศนเทพวรารามเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2350 โดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นวัดที่มีความงดงามที่สุดในกรุงรัตนโกสินทร์ แต่การก่อสร้างต้องใช้เวลายาวนานถึง 47 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 วัดแห่งนี้ได้รับการออกแบบและก่อสร้างด้วยความประณีตบรรจง เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมไทยที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง โดดเด่นด้วยพระวิหารหลวงที่มีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในกรุงเทพมหานคร ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมศิลปกรรมชั้นเลิศของช่างหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ที่แสดงถึงพุทธศิลป์อันรุ่งเรืองของชาติไทย
- ไฮไลท์สำคัญ
- พระวิหารหลวง: ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
- เสาชิงช้า: โบราณสถานสำคัญอายุกว่า 200 ปี ใช้ในพิธีตรียัมปวายในสมัยโบราณ
- จิตรกรรมฝาผนัง: ภาพเขียนเล่าเรื่องพุทธประวัติและทศชาติชาดกอันงดงาม
- ที่ตั้ง
146 ถ.บำรุงเมือง วัดราชบพิธ พระนคร กรุงเทพฯ 10200
🗺️ Google Maps
- การเดินทาง
- รถไฟฟ้า MRT: ลงสถานีสามยอด ทางออก 1 เดินต่อประมาณ 500 เมตร
- รถเมล์: สาย 1, 2, 15, 25, 44, 47, 59, 60
- เรือ: ท่าเรือราชินี แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
3. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
- ประวัติความเป็นมา
วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นโทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยแต่เดิมมีชื่อว่า “วัดกลางนา” เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ทุ่งนากลางเมืองธนบุรี ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดครั้งใหญ่และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดชนะสงคราม” เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในการทำสงครามป้องกันพระนคร ซึ่งการตั้งชื่อวัดด้วยคำมงคลนี้มีความหมายลึกซึ้งในเชิงพุทธปรัชญา สื่อถึงการชนะกิเลสตัณหาอันเป็นสงครามภายในจิตใจของมนุษย์ วัดแห่งนี้จึงได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนมาอย่างต่อเนื่อง และยังคงความสำคัญในฐานะศูนย์กลางพุทธศาสนาของย่านบางลำพูมาจนถึงปัจจุบัน
- ไฮไลท์สำคัญ
- พระพุทธรูปปางมารวิชัย: พระประธานในพระอุโบสถ ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์
- พระวิหาร: ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์
- ศิลปกรรมไทย: ลวดลายปูนปั้นและภาพจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตร
- ที่ตั้ง
เลขที่ 77 ถนนจักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
🗺️ Google Maps
- การเดินทาง
- เรือ: ท่าเรือพระอาทิตย์ เดินต่อประมาณ 5 นาที
- รถเมล์: สาย 3, 9, 15, 30, 32, 43, 53, 64
- แท็กซี่หรือรถส่วนตัว: สามารถจอดได้ที่ลานจอดรถวัด
4. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
- ประวัติความเป็นมา
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม “วัดพระแก้ว” เป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 พร้อมกับการสร้างพระบรมมหาราชวังในปี พ.ศ. 2325 เพื่อใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง และใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญทางพระพุทธศาสนา วัดพระศรีรัตนศาสดารามมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากวัดทั่วไป คือเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แต่จะนิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพระราชพิธีเฉพาะคราวเท่านั้น นับเป็นพระอารามคู่พระบรมมหาราชวังที่แสดงถึงความเป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นพุทธจักรและอาณาจักรของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมศิลปกรรมชั้นสูงของชาติที่สะท้อนให้เห็นถึงพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์และความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
- ไฮไลท์สำคัญ
- พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต): พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง
- ยักษ์ทวารบาล: รูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่ประดับประตูทางเข้า
- จิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์: ภาพเขียนเล่าเรื่องรามเกียรติ์รอบพระระเบียง
- ที่ตั้ง
ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
🗺️ Google Maps
- การเดินทาง
- รถไฟฟ้า MRT: สถานีสนามไชย ทางออก 1 เดินประมาณ 15 นาที
- เรือ: ท่าเรือท่าช้าง เดินต่อประมาณ 5-10 นาที
- รถเมล์: สาย 1, 3, 25, 44, 47, 82
- รถยนต์ส่วนตัว: มีที่จอดรถสาธารณะบริเวณถนนมหาราช
5. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
- ประวัติความเป็นมา
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม “วัดโพธิ์” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกที่มีความสำคัญในฐานะวัดประจำรัชกาลที่ 1 และเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเดิมสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาชื่อ “วัดโพธาราม” ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่และพระราชทานนามใหม่เป็น “วัดพระเชตุพน” ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงเพิ่มคำว่า “วิมลมังคลาราม” วัดแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น “มหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย” เนื่องจากเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ในศาสตร์ต่างๆ ทั้งการแพทย์แผนไทย โบราณคดี วรรณคดี และศิลปกรรม จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกจากองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2551 สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในฐานะแหล่งเรียนรู้และมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของชาติไทย
- ไฮไลท์สำคัญ
- พระพุทธไสยาส: พระนอนขนาดใหญ่ ยาว 46 เมตร สูง 15 เมตร
- ศาลาเรียนแพทย์แผนโบราณ: จารึกตำรายาและท่านวดแผนโบราณ
- มหาเจดีย์สี่รัชกาล: เจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1-4
- ที่ตั้ง
เลขที่ 2 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
🗺️ Google Maps
- การเดินทาง
- รถไฟฟ้า MRT: สถานีสนามไชย ทางออก 4 เดินต่อประมาณ 5 นาที
- เรือ: ท่าเรือท่าเตียน
- รถเมล์: สาย 1, 25, 44, 47, 82
- จอดรถ: มีลานจอดรถสาธารณะหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียง
6. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
- ประวัติความเป็นมา
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2412 เพื่อเป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะไทยและตะวันตกได้อย่างลงตัว สะท้อนให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในการผสมผสานวัฒนธรรมของพระองค์ วัดแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ไทย เนื่องจากเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชหลายพระองค์ และยังเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบัน ความงดงามของสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในพระอุโบสถที่ผสมผสานศิลปะตะวันตกเข้ากับไทยได้อย่างกลมกลืนนั้น ทำให้วัดราชบพิธฯ เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาศิลปกรรมไทยในยุคที่ประเทศกำลังพัฒนาสู่ความทันสมัย
- ไฮไลท์สำคัญ
- พระอุโบสถ: สถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ที่งดงาม
- พระเจดีย์: จำลองแบบมาจากเจดีย์พระปฐมเจดีย์
- หอพระไตรปิฎก: อาคารทรงไทยเก็บคัมภีร์โบราณ
- ที่ตั้ง
เลขที่ 2 ถนนเฟื่องนคร แขวงราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
🗺️ Google Maps
- การเดินทาง
- รถไฟฟ้า MRT: สถานีสามยอด ทางออก 1 เดินประมาณ 10 นาที
- รถเมล์: สาย 1, 3, 9, 15, 30, 32, 43, 53
- รถยนต์ส่วนตัว: มีที่จอดรถภายในวัด
7. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
- ประวัติความเป็นมา
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นโทที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) เมื่อปี พ.ศ. 2368 ด้วยแรงศรัทธาและพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา วัดแห่งนี้มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะไทยและจีนได้อย่างงดงาม สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวไทยและชาวจีนในสมัยนั้น โดยเฉพาะพระวิหารหลวงที่ประดิษฐานพระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีหอระฆังที่สูงที่สุดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะตะวันตกได้อย่างลงตัว ทำให้วัดกัลยาณมิตรเป็นศูนย์รวมศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนมาจนถึงปัจจุบัน
- ไฮไลท์สำคัญ
- พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต): พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่
- หอระฆัง: หอระฆังที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ
- ศิลปะไทย-จีน: สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะไทยและจีน
- ที่ตั้ง
เลขที่ 371 ซอยเทศบาลสาย 1 แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600
🗺️ Google Maps
- การเดินทาง
- เรือ: ท่าเรือวัดกัลยาณมิตร
- รถเมล์: สาย 40, 57, 82
- รถไฟฟ้า BTS: สถานีกรุงธนบุรี แล้วต่อรถสาธารณะ
8. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
- ประวัติความเป็นมา
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือที่รู้จักกันในนาม “วัดแจ้ง” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ที่มีประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเดิมมีชื่อว่า “วัดมะกอก” ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ฝั่งธนบุรี ได้โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดและเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดแจ้ง” เนื่องจากเป็นจุดที่พระองค์เสด็จมาถึงยามรุ่งแจ้ง จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม” โดยเฉพาะพระปรางค์วัดอรุณที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงเทพมหานคร ได้รับการบูรณะให้มีความสูงถึง 67 เมตร ประดับด้วยเครื่องถ้วยจีนและกระเบื้องเคลือบที่สวยงาม กลายเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและเป็นที่กล่าวขานถึงความงดงามมาจนถึงปัจจุบัน
- ไฮไลท์สำคัญ
- พระปรางค์วัดอรุณ: สัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ สูง 67 เมตร
- รูปปั้นเทวดา: ประดับตกแต่งรอบพระปรางค์
- องค์พระประธาน: พระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ในพระอุโบสถ
- ที่ตั้ง
เลขที่ 158 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600
🗺️ Google Maps
- การเดินทาง
- เรือ: ท่าเรือวัดอรุณ
- รถเมล์: สาย 19, 40, 57
- รถไฟฟ้า BTS: สถานีกรุงธนบุรี แล้วต่อเรือข้ามฟาก
9. วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
- ประวัติความเป็นมา
วัดบวรนิเวศราชวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ (กรมพระราชวังบวรสถานมงคล) เมื่อปี พ.ศ. 2367 เพื่อเป็นวัดประจำพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า วัดแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาของไทย เนื่องจากเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชหลายพระองค์ รวมถึงเป็นต้นกำเนิดของธรรมยุติกนิกายในประเทศไทย โดยการนำของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงผนวช นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะไทยกับศิลปะตะวันตกได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะพระอุโบสถที่สร้างตามแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 และพระเจดีย์ที่เป็นศิลปะแบบพม่าผสมไทย ทำให้วัดบวรนิเวศเป็นทั้งศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
- ไฮไลท์สำคัญ
- พระอุโบสถ: สถาปัตยกรรมไทยประยุกต์แบบพระราชนิยม
- พระเจดีย์: ศิลปะแบบพม่าผสมไทย
- พิพิธภัณฑ์: จัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุล้ำค่า
- ที่ตั้ง
เลขที่ 248 ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
🗺️ Google Maps
- การเดินทาง
- รถเมล์: สาย 3, 9, 15, 30, 32, 43, 53, 64
- เรือ: ท่าเรือพระอาทิตย์ เดินต่อประมาณ 10 นาที
- รถยนต์ส่วนตัว: มีที่จอดรถภายในวัด
สรุป
การไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพมหานครเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเริ่มต้นปีใหม่ นอกจากจะได้ทำบุญสร้างกุศลแล้ว ยังได้สัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมและศิลปะอันล้ำค่าของชาติ แต่ละวัดล้วนมีเอกลักษณ์และความงดงามเฉพาะตัว การเดินทางไหว้พระครบทั้ง 9 วัดจึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ซึมซับความงดงามของพุทธศิลป์และสถาปัตยกรรมไทย พร้อมทั้งรับพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดปี 2568
แหล่งที่มาข้อมูล:
- กรมศิลปากร
- สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
Liger นักเขียนผู้หลงใหลในการแสวงหาความรู้และแบ่งปันสิ่งดีๆ สู่ผู้อื่น ด้วยความรักและสนในการเรียนรู้ค้นคว้าหาสิ่งใหม่เพื่อที่จะเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล สาระดีคุณค่า นำมาถ่ายทอดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและน่าติดตาม หวังว่าสิ่งที่ผมถ่ายทอดจะเป็นประโยชน์และสร้างคุณค่าให้กับผู้อ่านทุกคน ทำให้สังคมแห่งการเรียนรู้เติบโตและพัฒนาไปด้วยกัน